แกงเขียวหวาน คือ อาหารไทยประเภทแกง ที่ได้นำเอาเนื้อสัตว์ และผักสมุนไพร ตะไคร้ พริก โหระพา ใบมะกรูด กระเทียม ข่า ฯลฯ มาปรุงเพิ่มเติมเสริมรสชาติด้วยกะทิเข้มข้น มะเขือเปราะ มะเขือพวง น้ำปลา น้ำตาล ผสมผสานกันกลายเป็นเมนูเลิศรส สูตรแกงเขียวหวานไก่ แกงเขียวหวานหมู แกงเขียวหวานเนื้อ แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย ฯลฯ ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับ สูตรแกงเขียวหวาน พร้อมประวัติความเป็นมา และเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับแกงเขียวหวานให้มากขึ้น
รู้จักกับเมนู แกงเขียวหวาน อาหารไทยยอดนิยม
แกงเขียวหวาน ถือว่าเป็น แกงยอดนิยม เป็นที่ชื่นชอบของทั้งคนไทย และต่างประเทศ ด้วยสีสันเขียวละมุนน่ารับประทานสมชื่อ รสชาติแกงเขียวหวาน เค็มหวานมันเข้มข้นเต็มรสกะทิ ผสมผสานความเผ็ดเล็กน้อยของพริกแกง พร้อมทั้งกลิ่นหอมของเครื่องเทศ สามารถนำมารับประทานได้ทั้งกับข้าวสวยร้อนๆ ข้าวราดแกง และเป็น น้ำยาขนมจีน ในร้านอาหารอินเดียบางร้านนิยมนำมาทานกับแป้งโรตีเปล่า หรือแป้งนาน
ประวัติน่ารู้ของเมนูแกงเขียวหวาน
แกงเขียวหวาน อีกหนึ่งเมนูที่อยู่คู่คนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ ประวัติแกงเขียวหวาน ย้อนไปตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา อาหารไทยโบราณ เมนูนี้เกิดขึ้นมาจากภูมิปัญญาของคนไทยในสมัยก่อน โดยเริ่มต้นจาก เมนูแกง ไม่ใส่กะทิ เช่น แกงเลียง , แกงป่า จนได้เริ่มมีการดัดแปลงด้วยการใส่กะทิ และพริกแห้งลงไปเป็นส่วนผสมแล้วกลายเป็น เมนูแกงเขียวหวาน ให้เราได้รับประทานกันในปัจจุบัน
แกงเขียวหวาน ชื่อนี้มีที่มา
ชื่อของเมนู แกงเขียวหวาน ไม่ได้ถูกตั้งขึ้นจากหน้าตาสีสันของอาหารที่มีสีเขียวเพียงเท่านั้น แต่คำว่า “แกงเขียว” มีที่มาจากวัตถุดิบในการทำ เครื่องแกงเขียวหวาน ที่แปลกกว่าเมนูแกงอื่นๆ เพราะได้มีการนำพริกสีเขียวมาใส่ลงไปแทนพริกแดง ส่วนคำว่า “หวาน” ก็ไม่ได้มาจากรสชาติหวาน แต่หมายความถึง ลักษณะแกงเขียวหวาน ที่สีของแกงเขียวอ่อนละมุน น่ารับประทาน
หนึ่งในอาหารไทยที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
ในปี พ.ศ. 2554 เว็บไซต์ TRAVEL.CNN.COM ได้มีการจัดอันดับ 50 อาหารยอดนิยม ทั่วโลก ซึ่งเมนู แกงเขียวหวาน อาหารภาคกลาง ของเราก็ติด 1 ใน 50 อันดับ โดยได้รับคะแนนเป็นอันดับที่ 19 ของการโหวตจาก 35,000 คนทั่วโลก ซึ่งถือเป็นการจัดอันดับที่ทำให้ทั้งคนไทย และต่างประเทศหลายคนได้ให้ความสนใจกับเมนูนี้กันมากขึ้น จากการเป็น อาหารขึ้นชื่อ ของประเทศไทย ไม่แพ้เมนูเด็ดเมนูดังอย่าง ต้มยำกุ้ง ส้มตำ แกงมัสมั่น และผัดไทย เลยทีเดียว
ประโยชน์ที่ได้รับจากการ ทานแกงเขียวหวาน
เมนู แกงเขียวหวาน ในปัจจุบันมีหลากหลายสูตรที่แตกต่างกัน ไม่มีสูตรที่ตายตัวเสียเท่าไหร่ จึงไม่น่าแปลกใจที่หน้าตา และรสชาติเองก็แตกต่างกันตามไปด้วย นอกจากนี้แกงเขียวหวานยังถูกจัดให้เป็น อาหารเพื่อสุขภาพ สามารถใส่ผักสมุนไพรลงไปได้หลายชนิด
เช่น มะเขือพวง มะเขือเปราะ ยอดมะพร้าว ใบมะกรูด ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนั้น เมื่อ กินแกงเขียวหวาน แล้วเราก็จะได้รับประโยชน์จากวัตถุดิบ ซึ่งมีสรรพคุณมากมายต่อร่างกาย
- ใบมะกรูด สมุนไพรหลากหลายสรรพคุณ ช่วยแก้ไอ อาเจียนเป็นเลือด แก้อาการช้ำใน ช่วยชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง ทั้งยังสามารถต่อต้านมะเร็งได้อีกด้วย
- มะเขือเปราะ ผักพื้นบ้านหาทานง่ายให้ประโยชน์แก่ร่างกาย โดยมีสรรพคุณมากมาย เช่น รักษาโรคเบาหวาน ลดไข้ ลดอาการอักเสบ แก้อาการไอ ช่วยย่อยอาหาร และการขับถ่ายดีขึ้น ฯลฯ
- มะเขือพวง จากข้อมูลการวิจัยผักพื้นบ้านชนิดนี้ ช่วยทำให้เลือดหมุนเวียนดี เจริญอาหาร ทานแล้วย่อยอาหารได้ดีขึ้น แก้ปวด ลดการฟกช้ำ แก้อาการไอเป็นเลือด ขับเสมหะ บำรุงธาตุ บรรเทาโรคแผลในกระเพาะอาการ บำรุงตับ ฯลฯ
- ใบโหระพา ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลมในลำไส้ แก้ท้องขึ้น ช่วยในการย่อยอาหาร แก้อาการหวัด แก้พิษตานซาง ทำให้เรอ ฯลฯ
และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสรรพคุณที่จะได้รับจากการทาน อาหารไทยแกงเขียวหวาน เพียงเท่านั้น เนื้อสัตว์ รวมถึงวัตถุดิบอื่นๆที่ใส่ลงไปก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพ คุณค่าทางอาหารของแกงเขียวหวาน ประกอบด้วยโปรตีน ไขมัน ใยอาหารสูง ฯลฯ
วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีการทำ แกงเขียวหวานหมู สูตรเด็ดเคล็ดไม่ลับ มะเขือไม่ดำ
แม้ว่าเมนู แกงเขียวหวาน จะเป็นเมนูที่ทั่วโลกยอมรับเรื่องความอร่อยจนขึ้นชื่อ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถรังสรรค์เมนูนี้ได้อย่างเอร็ดอร่อย วัตถุดิบของแกงเขียวหวาน หากเลือกใช้วัตถุดิบที่สะอาด สดใหม่ ก็จะช่วยให้เราสามารถรังสรรค์เมนูนี้ได้อร่อยขึ้น และหากใครต้องการ พริกแกงเขียวหวาน ที่มีกลิ่นหอมตามแบบฉบับไทยแท้ แนะนำให้ตำพริกแกงด้วยตัวเองนะคะ
ที่สำคัญเมนูแกงเขียวหวานยังใช้วัตถุดิบค่อนข้างเยอะกว่าเมนู อาหารไทยทำง่าย ทั่วไป จึงควรตระเตรียมวัตถุดิบให้พร้อม ตรวจเช็คก่อนทำว่าขาดเหลืออะไรบ้าง เพื่อให้ได้แกงเขียวหวานที่อร่อยที่สุด หากพร้อมแล้วเราไปดูวัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีการทำแกงเขียวหวานสูตรทำง่ายกันเลยค่ะ
วัตถุดิบ ทำแกงเขียวหวาน
- หมูสามชั้นหั่นชิ้น 500 กรัม
- มะเขือเปราะ หั่นชิ้นแช่น้ำเกลือ 300 กรัม
- มะเขือพวง 50 กรัม
- ใบมะกรูดฉีก 2 กรัม
- ใบโหระพา 20 กรัม
- พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเฉียง 20 กรัม
- พริกแกงเขียวหวาน 100 กรัม
- กะทิ 500 กรัม
- น้ำเปล่า 500 มิลลิลิตร
- น้ำตาลปี๊บ 1 + 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 3 + 1/2 ช้อนโต๊ะ
ขั้นตอน วิธีทำแกงเขียวหวาน
- ขั้นตอนทำ แกงเขียวหวานหมู ให้ตั้งหม้อด้วยไฟกลาง ใส่กะทิ 1/3 ของที่เตรียมไว้ลงไปผัดให้แตกมัน จากนั้นใส่พริกแกงเขียวหวานลงไปผัดคลุกเคล้ากับกะทิให้ส่งกลิ่นหอม เพิ่มกะทิลงไปผัดต่ออีก 1/3 ของที่เตรียมไว้แล้วผัดต่อจนกะทิแตกมันอีกครั้ง
- เมื่อพริกแกงหอมได้ที่แล้วให้ใส่เนื้อหมูสามชั้นลงไปผัดคลุกเคล้ากับพริกแกงให้ทั่ว และเติมน้ำเปล่าลงไปเคี่ยวหมูสามชั้นด้วยไฟกลางจนกว่าจะสุกนุ่มได้ที่ เป็นเวลาประมาณ 20 – 30 นาที
- ปรับไฟเป็นไฟแรงแล้วรอให้น้ำเดือดจัด ก่อนจะใส่มะเขือเปราะที่เตรียมไว้ลงไปต้ม (การใส่มะเขือเปราะลงไปตอนน้ำเดือดจัด จะช่วยให้มะเขือไม่ดำ) คนส่วนผสมให้เข้ากันแล้วต้มต่อให้มะเขือสุก
- หลังจากรอจนมะเขือสุกตามชอบแล้วลดไฟเป็นไฟกลาง ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ และน้ำปลา จากนั้นใส่มะเขือพวงลงไปคนต่อให้เข้ากัน ต้มต่ออีกสักครู่ให้มะเขือสุก
- เมื่อส่วนผสมสุกดีแล้วใส่พริกชี้ฟ้าแดง ใบมะกรูดฉีก และใบโหระพาลงไปคนให้เข้ากัน คนให้เข้ากันแล้วปิดเตานำไปจัดเสิร์ฟเลย
เผยเคล็ดลับในการทำแกงเขียวหวานให้อร่อย
เคล็ดลับง่ายๆเพื่อให้ แกงเขียวหวานอร่อย อาหารจานโปรดของเราอร่อยขึ้น สิ่งแรกเลยก็คือการเลือกพริกชี้ฟ้าดำ เพื่อให้เครื่องแกงมีสีสันที่สวยงาม เป็นพริกที่เหมาะกับการทำแกงเขียวหวานเป็นที่สุด ต่อมาคือการใส่ใบโหระพาลงไปในขณะที่ น้ำแกงเขียวหวาน หายเดือดแล้ว วิธีนี้จะช่วยทำให้ใบโหระพายังคงมีสีที่เขียวสดใส ไม่ดำจนดูไม่น่ารับประทาน
การเตรียมมะเขือเปราะก่อนทำแกงเขียวหวาน อีกหนึ่งเคล็ดลับที่ห้ามมองข้าม ควรหั่นมะเขือเปราะ ผ่าเป็นสี่ส่วน และนำไปแช่ในน้ำเกลือพักไว้ก่อนนำมาแกง ที่สำคัญควรใส่มะเขือเปราะลงไปในตอนที่น้ำเดือดจัด และกดมะเขือให้จมลงไปในน้ำแกง เพื่อให้ได้รับความสุกทั่วถึง หากใส่มะเขือเปราะลงไปในน้ำแกงที่ไม่เดือดมากพอ จะเป็นสาเหตุให้มะเขือดำ ส่งผลให้น้ำแกงสีเข้มขึ้น และไม่น่ารับประทานได้
บทสรุป
แกงเขียวหวานไม่ใช่แกงที่มีรสชาติหวานนำตามชื่อ รสชาติที่โดดเด่นของแกงเขียวหวานจะเป็นรสเค็มนำ เผ็ดพริกแกงตาม และหวานมันธรรมชาติจากกะทิเข้มข้น และมีการใส่น้ำตาลปีบ น้ำตาลมะพร้าว หรือน้ำตาลโตนด เพิ่มเข้าไปช่วยในการชูรสเค็มให้อร่อยมากขึ้น แล้วจึงเป็นรสเค็มตามจากเครื่องพริกแกงเขียวหวาน ถือเป็นอาหารที่ถูกรังสรรค์รสชาติได้อย่างเข้มข้น และเข้ากันเป็นอย่างดี ถูกใจคนไทย ถูกปากคนต่างชาติด้วย
