ในปัจจุบันคนไทยหันไปให้ความสนใจ อาหารเกาหลี มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าเป็นอาหารที่มีชื่อเสียงระดับโลกเลยก็ว่าได้ ซึ่งอาหารของชาวเกาหลีนั้นนับว่ามีรสชาติ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร แต่ละเมนูวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง จัดเสิร์ฟหลากหลายเมนูในมื้อเดียว โดยการ ทานอาหารเกาหลี แบบดั้งเดิมนั้นจะเน้นไปที่สีสันทั้ง 5 คือ สีเขียว สีแดง สีเหลือง สีขาว และสีดำ หมายถึงทิศทางชองธรรมชาติ และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ https://avenueb-pgh.com/ จะขอพาคุณไปรู้จักกับอาหารเหล่านี้ให้มากขึ้น
วัฒนธรรมการทาน อาหารเกาหลี ที่ถูกส่งต่อมายังประเทศไทย
วัฒนธรรมเกาหลี ถูกสอดแทรกเข้ามามีบทบาทในซีรีส์หลายๆเรื่อง เช่น วัฒนธรรมการแต่งกาย ภาษา รวมถึงวัฒนธรรมด้านอาหารด้วย ยกตัวอย่างซีรีส์ดัง ที่ทำให้คนไทยให้ความสนใจ อาหารเกาหลี มากยิ่งขึ้น คือ “ แดจังกึม ” ซีรีส์ที่แสดงถึงประวัติศาสตร์เกาหลี และการปรุงอาหารในวัง ซึ่งชาวเกาหลีมักจะทานอาหารที่หลากหลายในแต่ละมื้อ โดยมีทั้งเนื้อสัตว์ ผัก เครื่องเคียง และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ อาหาร เกาหลี ได้รับความนิยมในประเทศไทย เนื่องจากเกาหลีเป็นประเทศเกษตรกรรม รับประทานข้าวเป็นอาหารหลักเช่นเดียวกันกับชาวไทย
4 อาหารยอดนิยม จากประเทศเกาหลี ทำทานได้ ทำขายรวย
1. กินจิ ผักดอง อาหารเกาหลี ทำง่าย เก็บไว้ได้นาน
หากใครเป็นสาวกเกาหลีแล้วละก็ ต้องรู้จักเมนู อาหารเกาหลี เมนูนี้เป็นอย่างดี เพราะเป็น เครื่องเคียง สัญชาติเกาหลีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเลยก็ว่าได้ สำหรับ ประวัติกิมจิ เชื่อกันว่าถือกำเนิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 7 ในช่วงฤดูหนาวที่ไม่เหมาะกับการปลูกผัก การทำกิมจิจึงถือเป็นวิธีถนอมอาหารไว้รับประทานทดแทนผักสด นอกจากจะมีรสชาติอร่อยถูกปากคนไทยอย่างเราๆแล้ว กิมจิยังถือเป็น อาหารเพื่อสุขภาพ ด้วยความที่ทำจากผัก จึงอุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิด
วัตถุดิบ
- ผักกาดขาว 2.5 กิโลกรัม
- น้ำเปล่า 500 มิลลิลิตร
- แป้งข้าวเหนียว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทรายไม่ขัดสี 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมจีน 1 ถ้วยตวง
- หอมหัวใหญ่ 1 ถ้วยตวง
- ขิง 1 แง่ง
- กุ้งดอง หรือปลาหมึกสด 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น สำหรับหมักผักกาด
- แครอทหั่นยาว 1 หัว
- หัวไชเท้าหั่นยาว 1 หัว
- ต้นหอมหั่น 10 ต้น
- พริกป่นเกาหลี 2 ถ้วยตวง
- น้ำปลา 1 ถ้วยตวง
ขั้นตอนวิธีทำ
- ขั้นตอนแรกในการทำ กิมจิ นำผักกาดขาวมาผ่าครึ่ง แยกออกจากกัน และหั่นตรงกลางเล็กน้อย ก่อนจะนำไปล้างด้วยน้ำสะอาด 2 – 3 รอบ (สามารถแช่เบคกิ้งโซดาเพื่อกำจัดสารพิษได้นะคะ) พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ และนำมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ เสร็จแล้วนำไปหมักด้วยเกลือ พักไว้เป็นเวลา 30 นาที เพื่อให้ส่วนผสมเข้ากัน และผักกาดขาวนิ่มลง
- ตั้งหม้อด้วยไฟกลาง ใส่น้ำเปล่าลงไป ตามด้วยแป้งข้าวเหนียว คนให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน และน้ำเปลี่ยนเป็นสีขาวใส จากนั้นเติมน้ำตาลไม่ขัดสีลงไปเคี่ยวต่อประมาณ 7 นาที แล้วปิดเตากรองด้วยกระชอนใส่ในชามผสม เพื่อแยกตัวแป้งที่จับตัวเป็นก้อนออกไป จากนั้นพักไว้ให้เย็น
- เมื่อพักผักกาดขาวไว้จนครบเวลาแล้ว ให้พลิกกลับด้าน โรยเกลือเพิ่มลงไป และพักไว้อีก 30 นาที ทำซ้ำจนครบสามรอบแล้วล้างความเค็มของเกลือด้วยน้ำเปล่า
- นำกระเทียม และหอมใหญ่มาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ก่อนจะนำไปใส่เครื่องปั่นพร้อมกับกุ้งดอง ปลาหมึกสด หรือกุ้งแห้งแช่น้ำ ใส่น้ำลงไปเล็กน้อยแล้วปั่นให้ละเอียด เสร็จแล้วนำไปเทผสมกับแป้งที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 1 และใส่พริกป่นเกาหลีลงไป ความเผ็ดเพิ่มลดได้ตามชอบ ตามด้วยน้ำปลา แล้วใช้ไม้พายกวนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้นใส่แครอท หัวไชเท้า และต้นหอมที่เตรียมไว้ลงไปกวนผสมให้เข้ากัน
- เมื่อหมักผักกาดขาวจนได้ที่แล้วให้เทน้ำส่วนเกินที่หมักไว้ออก และใส่เครื่องหมักที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 4 ลงไปคนผสมให้เข้ากัน (หากใครทำชิ้นใหญ่ให้ทาซอสหมักให้ทั่วทั้งตัวผักกาดแต่ละชั้น) แล้วนำไปใส่ไว้ในภาชนะมีฝาปิด แช่เย็นไว้ก่อนรับประทาน
2. บิบิมบับ หรือข้าวยำเกาหลี เมนูผักเพื่อสุขภาพ
มาต่อกันที่ อาหารนานาชาติ เมนูที่สอง เมนูนี้มีชื่อว่า บิบิมบับ หรือที่เรานิยมเรียกกันว่า ข้าวยำเกาหลี มักจะนิยมเสิร์ฟในหม้อดินร้อนๆ อาหารเกาหลี ประเภทข้าวแสนอร่อย วิธีรับประทานง่ายดายคือการคลุกส่วนผสมทั้งหมดกับข้าวแล้วรับประทานได้ทันที โดยต้นกำเนิด หรือ ประวัติบิบิมบับ นั้นต้องย้อนไปตั้งแต่สมัยราชวงศ์โซซ็อน เนื่องจากมีการกล่าวถึงเมนูนี้เป็นครั้งแรกในตำราอาหารเกาหลีที่ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง และชาวเกาหลีมีความเชื่อกันว่าต้องรับประทานข้าวที่เหลือให้หมดในคืนก่อนขึ้นปีใหม่ เพื่อต้อนรับสิ่งดีๆในปีต่อไป จึงได้นำข้าวเหล่านี้มาคลุกกับเครื่องเคียง และส่วนผสมต่างๆ กลายเป็นเมนูที่เรานิยมรับประทานกันในปัจจุบัน
วัตถุดิบ
- เนื้อหมู หรือเนื้อวัว หั่นชิ้นบาง 100 กรัม
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- งาขาว สำหรับหมักเนื้อ ปริมาณตามชอบ
- น้ำมันงา 1 ช้อนชา
- น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
- ซอสถั่วเหลือง 3 ช้อนชา
- ซอสโคจูจัง 1 ช้อนโต๊ะ
- ผักตามชอบ เช่น ถั่วงอก แครอท แตงกวาญี่ปุ่น ซูกินี พริกหวาน
- น้ำมันพืช สำหรับผัด
- เกลือ สำหรับผัด
- งาขาวคั่ว
- ไข่แดงดิบ 1 ฟอง
- ข้าวเกาหลี
ขั้นตอนวิธีทำ
- ขั้นตอนแรกในการทำ บิบิมบับ ให้เตรียมผักที่ชอบมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จัดเรียงไว้ในจาน และหมักเนื้อหรือหมูด้วยกระเทียมสับ น้ำผึ้งเพิ่มความหอมหวาน ซอสถั่วเหลือง และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือน้ำมันงา เสร็จแล้วโรยหน้าด้วยงาขาว คลุกให้เข้ากันพักไว้จนส่วนผสมเข้าเนื้อ
- ต่อมาเป็นขั้นการผัดผัก ให้ใส่น้ำมันพืชลงไปในกระทะ ผัดผักพร้อมเติมเกลือในระหว่างผัด โดยเริ่มผัดผักที่มีสีอ่อนก่อน เมื่อผัดผักจนเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เนื้อที่หมักเอาไว้มาผัดต่อได้เลย
- นำข้าวเกาหลีใส่ในหม้อดิน หรือภาชนะอื่นๆ ก่อนจะจัดเรียงผัก และเนื้อสัตว์ลงไปบนหน้าข้าวให้สวยงาม ตักซอสโคจูจังใส่ลงไปตรงกลาง ตามด้วยไข่แดง และโรยหน้าด้วยงาขาว นำไปตั้งเตาด้วยไฟอ่อนเพื่อเพิ่มความหอม และความกรอบของข้าวเกาหลี เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นเมนู ข้าวยำเกาหลี
3. ไก่ทอดเกาหลี หรือ ไก่บอนชอน ทำเองได้ อร่อยจุใจ ไม่ง้อร้านดัง
เบื่อ เมนูไก่ทอด แบบไทยๆแล้ว ขอแนะนำ อาหารเกาหลี KOREAN FRIED CHICKEN ไก่ทอดเกาหลี หรือ ไก่บอนชอน หนังกรอบมันน้อย เคลือบซอสรสชาติดี นิยมเสิร์ฟพร้อมกับหัวไชเท้าดอง โชจู หรือเบียร์ เรียกว่าเป็นเมนูกับแกล้มชั้นดีเลยก็ว่าได้ โดยเมนูนี้มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ช่วงสงครามเกาหลี จากเดิมที่ชาวเกาหลีนิยมนำไก่มานึ่งเพื่อรับประทาน แต่เมื่อชาวอเมริกันมีการนำไก่ทอดเข้ามาขายในประเทศ จึงได้มีการเปลี่ยนมากินไก่ทอด และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแฟรนไชส์ไก่ทอดเกาหลีร้านแรกนั้นถูกสร้างขึ้นโดย ยู ช็อก โฮ ในช่วง ค.ศ.1997 ชื่อร้านว่า “ลิมส์ชิกเกน” ส่วนการเคลือบไก่ด้วยซอสเผ็ดเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1982
วัตถุดิบ
- ปีกไก่บน 7 ชิ้น
- แป้งกรอบ 2-3 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ และพริกไทย สำหรับหมักไก่ ปริมาณตามชอบ
- น้ำมันสำหรับทอดไก่
- โคชูจัง ซอสพริกเกาหลี 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมจีนสับ 5 กลีบ
- น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันสำหรับทำซอส 1/2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1 หยิบมือ
- ต้นหอมซอย 2 ต้น
- งาขาว
ขั้นตอนวิธีทำ
- ขั้นตอนแรกในการทำ ไก่บอนชอน เริ่มจากการนำปีกไก่บนไปล้างด้วยน้ำสะอาด ก่อนจะใส่เกลือ และพริกไทยลงไปคลุกให้ทั่ว เพื่อเพิ่มรสชาติของไก่ ตามด้วยการใส่แป้งทอดกรอบลงไปเคลือบให้ทั่วไก่
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไปรอให้ร้อน นำไก่ที่เตรียมไว้มาทอดให้เหลืองสวยได้ที่แล้วตักไปใส่กระชอน เพื่อให้สะเด็ดน้ำมัน (หากใครต้องการให้กรอบตามแบบฉบับเกาหลี แนะนำให้ทอดสองรอบนะคะ)
- ต่อมาเป็นขั้นตอนการทำน้ำราดบอนชอน ใส่น้ำมันลงไปในกระทะเล็กน้อย เปิดเตาด้วยไฟอ่อนแล้วใส่กระเทียมสับลงไปผัดให้หอม และใส่ซอสมะเขือเทศลงไป ตามด้วยโคชูจัง ผัดต่อให้เข้ากันแล้วใส่เกลือ และน้ำผึ้งลงไปเพิ่มความหวาน (หากใครไม่มีน้ำผึ้ง สามารถใส่น้ำตาลแทนได้) เมื่อส่วนผสมทั้งหมดละลายเข้ากันดีแล้วให้นำเนื้อไก่ที่ทอดไว้แล้วมาใส่ลงไป เพื่อเคลือบซอสให้ทั่วตัวไก่ โรยด้วยต้มหอมซอย และงาขาว เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น ปิดเตานำมาจัดเสิร์ฟรับประทานได้เลย
4. จาจังมยอน บะหมี่ดำเกาหลี ตามรอยซีรีส์เกาหลีสุดฮิต
อาหารเกาหลี ในรูปแบบบะหมี่ราดด้วยซอสสีดำที่เราเห็นในซีรีส์บ่อยๆ จนชวนหิวตาม เรียกว่า จาจังมยอน เมนูนี้แม้ว่าจะได้รับความนิยมมาก แต่พึ่งถูกคิดค้นมาได้ไม่นาน ในช่วงปี ค.ศ. 1905 โดยพ่อค้าชาวจีนที่มาเปิดร้านอาหารที่เกาหลี ได้นำมาเผยแพร่ในเมือง INCHEON ย่าน CHINA TOWN ก่อนจะถูกดัดแปลงสูตรให้ถูกปากชาวเกาหลี และหากใครมีโอกาสได้ลองทานสูตรต้นตำรับที่ประเทศเกาหลีแล้ว อาจจะไม่ถูกปากเท่าทานที่ไทย เพราะ สูตรจาจังมยอน ที่ทำขายในไทยเองก็ถูกดัดแปลงให้ถูกปากคนไทยด้วยเช่นกัน โดยรสชาตินั้นจะมีความหวาน และเค็ม เข้ากันได้ดีกับบะหมี่เส้นเหนียวนุ่ม
วัตถุดิบ
- เส้นบะหมี่ อูด้ง จาจังมยอน 1 ก้อน
- ชุนจัง 1/4 ถ้วยตวง
- น้ำมันพืช 1/2 ถ้วยตวง
- เนื้อหมูสามชั้นหั่นเต๋า 300 กรัม
- ขิงสับ 2 ช้อนชา
- ต้นหอมซอย 2 ต้น
- หอมใหญ่ซอย 2 หัว
- กะหล่ำปลีหั่นชิ้น 250 กรัม
- มันฝรั่งหั่นเต๋า 1 หัว
- แตงกวาซอย ½ ลูก
- น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 500 มิลลิลิตร
- แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า ใช้สำหรับละลายแป้งมัน 3 ช้อนโต๊ะ
ขั้นตอนวิธีทำ
- ขั้นตอนแรกในการทำ จาจังมยอน เริ่มจากการทอดชุนจัง หรือซอสถั่วดำชนิดเข้มข้น โดยการใส่ซอสชุนจังลงไปในกระทะ ตามด้วยน้ำมันพืช เปิดเตาด้วยไฟกลางค่อนอ่อนแล้วทอดต่อจนมีกลิ่นหอม ใช้เวลาประมาณ 5 นาที เสร็จแล้วนำไปกรองน้ำมันออก
- ตั้งกระทะด้วยไฟกลางค่อนอ่อน ใส่น้ำมันพืชลงไปตามด้วยเนื้อหมูหั่นเต๋า มันฝรั่ง ต้นหอมซอย ขิงสับ ผัดต่อประมาณ 3 – 5 นาที จากนั้นใส่กะหล่ำปลี และหอมหัวใหญ่ลงไปผัดต่อจนเริ่มสุก ปรุงรสด้วยชุนจังทอดที่เตรียมไว้ในขั้นตอนแรก ผัดต่อให้เข้ากันดีก่อนจะปรุงรสด้วยน้ำตาล ผัดให้ละลายแล้วเติมน้ำแปล่าลงไปผัดต่อ ระหว่างนี้ให้นำแป้งมันกับน้ำเปล่าผสมกัน ก่อนจะใส่ลงไปในกระทะด้วย แล้วทำการผัดต่อให้ข้นเหนียวตามชอบ
- ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด ก่อนจะนำเส้นจาจังมยอนลงไปต้มให้สุกตามชอบ จากนั้นกรองน้ำออกด้วยกระชอนแล้วนำเส้นไปจัดใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำจาจังมยอนให้ท่วม แล้ววางแตงกวาซอยตกแต่งหน้าอาหาร เพิ่มสีสันให้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น