บัวลอยไข่หวาน ขนมไทยพื้นบ้าน ที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ลักษณะเป็นขนมหวานก้อนกลมหลากสีสัน ราดน้ำกะทิเข้มข้น รสชาติหวานมันเค็ม ครบรสตาม สูตรขนมหวาน เนื้อสัมผัสนุ่มลิ้นกำลังดี มีความหอมหวนชวนรับประทาน อร่อยถูกปากคนทุกเพศทุกวัย สามารถนำมาใส่น้ำแข็งเพิ่มความเย็น ทานคลายร้อนได้เป็นอย่างดี
เราจึงมักจะพบเห็นเมนูนี้ขายอยู่ทั่วไปตามตลาด หรือร้าน ขนมหวาน แม้ว่าจะหาซื้อง่าย แต่จะหาร้านที่อร่อยนั้นถือเป็นเรื่องที่ยากเย็น เพราะแต่ละร้านมีสูตร และเคล็ดลับที่แตกต่างกันออกไป หากใครอยากทานบัวลอยอร่อยๆถูกปาก ตามรสชาติที่ตัวเองชอบก็สามารถนำสูตรของเราในบทความนี้ไปทำทานเองได้นะคะ
ทำความรู้จัก บัวลอยไข่หวาน ขนมไทยในงานบุญ
บัวลอยไข่หวาน เป็น ขนมไทยโบราณ ที่มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาทานเป็นประจำอยู่แล้ว ยังเป็น ขนมไทยมงคล ที่นิยมนำมาทำรับประทานกันเป็นส่วนหนึ่งในงานบุญ และงานมงคลต่างๆอีกด้วย เช่น งานขึ้นบ้านใหม่ งานมงคลสมรส งานเลี้ยง งานบุญเลี้ยงพระ เป็นต้น เพราะลักษณะของบัวลอยนั้นมีรูปร่างเป็นทรงกลม เปรียบเสมือนคำอวยพรให้สมาชิกในครอบครัวรักกันอย่างกลมเกลียวเหนียวแน่น
เทศกาลไหว้ขนมบัวลอย ของชาวจีน
นอกจากขนม บัวลอยไข่หวาน จะเป็นที่ชื่นชอบ และถูกยกให้เป็น ขนมมงคล ตามความเชื่อของชาวไทยเราแล้ว ในช่วงเดือน 11 ตามปฏิทินจีน ยังมีประเพณีสำคัญที่เรียกกันว่า “เทศกาลไหว้ขนมบัวลอย” และใช้ ขนมบัวลอย สีขาว และสีแดง ซึ่งเป็นสีมงคลของชาวจีน เป็นส่วนประกอบหลักในพิธี เพื่อไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในฤดูหนาว ขอพรให้พืชผลเจริญงอกงาม คุ้มครองสัตว์เลี้ยง ขอพรให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง และยังเป็นการขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา สามารถดำรงชีวิตอย่างราบรื่น ปราศจากเคราะห์ภัยทั้งปวง โดยของที่ใช้ประกอบในพิธีนี้ก็จะแตกต่างกันออกไปตามความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น เช่น กระถางธูป , เทียนแดง , ผลไม้ , น้ำชา , ธูป , กระดาษเงินกระดาษทอง และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ บัวลอย
อีกหนึ่งขนมไทยที่ถูกดัดแปลงให้มีความหลากหลายมากขึ้น
ในปัจจุบัน ขนมไทย ที่ได้รับความนิยมหลายเมนูถูกดัดแปลงสูตรให้อร่อยถูกปาก ปรับปรุงรูปลักษณ์ให้น่าสนใจ และน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น บัวลอยไข่หวาน เองก็เป็นหนึ่งในขนมไทยเหล่านั้น ยกตัวอย่างการนำ แป้งบัวลอย มาปั้นเป็นรูปทรงต่างๆ ไม่ใช่เพียงรูปวงกลมธรรมดาๆอีกต่อไป เช่น บัวลอยดอกไม้ บัวลอยแครอท หรือแม้แต่การนำขนมบัวลอยมาเสียบไม้คล้ายลูกชิ้น แล้วจึงค่อยราดด้วยน้ำกะทิทีหลัง หรือแม้แต่การนำมาผสมผสานกับผักผลไม้อย่างทุเรียน สร้างความโดดเด่นให้เมนูนี้เป็นอย่างมาก และยังสามารถเพิ่มมูลค่าให้ขนมมีราคาสูงขึ้นได้อีกด้วย
ประโยชน์ที่จะได้รับจากการทาน ขนมบัวลอยไข่หวาน
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รักสุขภาพ ต้องไม่พลาดที่จะทาน ขนมมีประโยชน์ อย่าง บัวลอยไข่หวาน เพราะวัตถุดิบแต่ละอย่างที่เลือกใช้ ทำบัวลอย นั้นล้วนมีประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่น
- แป้งข้าวเหนียว หรือแป้งที่ทำมาจากข้าวเหนียว ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ให้พลังงานสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณ
- กะทิ ช่วยย่อยอาหาร มีกรดลอริคต่อต้านเชื้อไวรัส ป้องกันแบคทีเรีย ลดการสะสมของไขมัน ต่อต้านสารอนุมูลอิสระ และป้องกันมะเร็ง อีกทั้งยังมีวิตามินอยู่หลายชนิด เช่น วิตามินบี1 บี2 บี3 บี6 และวิตามินซี
- ไข่ไก่ สารอาหารโภชนาการสูง มีโปรตีนคุณภาพสูงอย่างกรดอะมิโน ไม่มีคลอเรสเตอรอล และสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายอีกหลายชนิด
- ประโยชน์จากสีจากธรรมชาติที่เลือกใช้ คือ สีฟ้าจากอัญชัน ช่วยบำรุงสายตา ลดน้ำตาลในเลือด ขับปัสสาวะ ต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเกิดริ้วรอย , สีม่วงจากมันม่วง ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล บำรุงผิวพรรณ ผม และเล็บ ชะลอความแก่ ลดโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ช่วยต้านมะเร็ง , สีแดงจากบีทรูท มีสรรพคุณช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง เป็นแหล่งวิตามินเอ เบต้าแครอทีน และสารสำคัญอีกหลายชนิด เป็นต้น
วัตถุดิบ และขั้นตอน วิธีทำบัวลอย ไข่หวาน หลากสีสันจากธรรมชาติ
สำหรับขั้นตอนการทำ บัวลอยไข่หวาน ไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด ยิ่งในยุคสมัยปัจจุบันที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเข้ามาช่วยในการทำ ขนมหวาน มากมาย รวมทั้งการหาวัตถุดิบก็สามารถทำได้ง่ายกว่าในอดีตอยู่มาก เพียงแค่เดินทางไปซื้อด้วยตัวเอง หรือสั่งผ่านออนไลน์ก็มีมาส่งถึงหน้าบ้าน ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางเลยด้วยซ้ำ และหากใครขี้เกียจปั้น เม็ดบัวลอย ด้วยตัวเอง ก็มี เม็ดบัวลอยสำเร็จรูป ขายด้วยเช่นกัน แต่ในบทความนี้เราจะพาท่านทำบัวลอยด้วยตัวเอง ตั้งแต่ขั้นตอนแรก จนถึงขั้นตอนสุดท้าย รับรองได้เลยว่าเพียงแค่อ่านก็สามารถทำบัวลอยทานเองได้ง่ายๆ
วัตถุดิบทำ บัวลอยบีทรูท
- แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วยตวง
- แป้งมัน 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำบีทรูท 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำร้อน
วัตถุดิบทำ บัวลอยมันม่วง
- แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วยตวง
- แป้งมัน 1/2 ช้อนโต๊ะ
- มันเทศสีม่วงนึ่งสุก 1/2 ถ้วยตวง
- น้ำร้อน
วัตถุดิบทำ บัวลอยดอกอัญชัน
- แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วยตวง
- แป้งมัน 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำดอกอัญชัน 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำร้อน
วัตถุดิบทำ ไข่หวาน
- น้ำตาลทราย 150 กรัม
- น้ำเปล่า 300 มิลลิลิตร
- ขิงแก่ (ขนาดเล็ก) 1 แง่ง
วัตถุดิบทำ น้ำกะทิบัวลอย
- หัวกะทิ 350 มิลลิลิตร
- น้ำมะพร้าว 650 มิลลิลิตร
- น้ำตาลโตนด หรือน้ำตาลมะพร้าว 120 กรัม
- เกลือ 1 ช้อนชา
- เนื้อมะพร้าวอ่อน 200 กรัม
- ใบเตยมัด 4 ใบ
ขั้นตอนวิธีการทำ บัว ลอย ไข่หวาน อร่อยไม่แพ้ร้านดัง
- ขั้นตอนแรกในการทำ บัวลอยไข่หวาน ด้วยการทำ เม็ดบัวลอย สีต่างๆ เริ่มจากการบดบีทรูทให้ละเอียด เพื่อนำสีแดงของบีทรูทไปผสมน้ำร้อนเล็กน้อยแล้วกรองด้วยผ้าขาวบางใส่ในชามผสม จากนั้นใส่แป้งข้าวเหนียว และแป้งมันลงไปนวดผสมให้เข้ากัน ระหว่างนี้ให้ทยอยใส่น้ำร้อนลงไปจนแป้งมีความมันเงา จับตัวเป็นก้อน สามารถนำมาปั้นได้ เสร็จแล้วพักไว้โดยการห่อด้วยแผ่นฟิล์มถนอมอาหาร และไปทำสีอื่นๆต่อได้เลย (หากใครหาสีธรรมชาติไม่ได้ สามารถใช้สีผสมแทนได้ค่ะ)
- เมื่อเตรียมแป้งบัวลอยจนครบทุกสีแล้วให้นำแป้งแต่ละสีออกมาปั้นเป็นเม็ดกลม ขนาดพอดีคำแล้วพักไว้ในชามผสม โดยเว้นระยะไว้ไม่ให้ติดกัน
- ต่อมาเป็นการเตรียม น้ำเชื่อมไข่หวาน โดยการใช้ช้อนขูดเปลือกของขิงออกให้หมด จากนั้นให้นำมาหั่นแว่นใส่ลงไปในหม้อ ตามด้วยน้ำตาลทราย และน้ำเปล่า ก่อนจะนำไปเคี่ยวให้น้ำตาลละลาย เมื่อน้ำเดือดแล้วให้ตอกไข่ใส่ลงไปต้มให้สุก และตักออกมาพักไว้ได้เลย
- ใส่ใบเตย น้ำตาลโตนด น้ำมะพร้าวอ่อน และหัวกะทิลงไปในหม้อ เปิดเตาด้วยไฟกลางค่อนอ่อน เคี่ยวต่อจนกะทิเดือดดี ปรุงรสด้วยเกลือคนให้ละลาย แล้วใส่เม็ดบัวลอยลงไปต้มต่อให้สุก (วิธีเช็คว่าบัวลอยสุกหรือยัง คือเม็ดบัวลอยจะลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำ) ระหว่างนี้ให้คนเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้เม็ดบัวลอยติดก้นหม้อ จากนั้นใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปต้มรวมกับบัวลอยได้เลย เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น จัดใส่ถ้วยเสิร์ฟรับประทานพร้อมไข่หวานได้เลย
บทสรุป
หลังจากจบบทความนี้แล้ว https://avenueb-pgh.com/ เชื่อว่าทุกคนจะได้รู้จักกับ เมนูขนมไทย บัวลอยไข่หวาน กันมากขึ้น ผ่านเรื่องราวเนื้อหาสาระดีๆที่เราได้รวบรวมมาไว้ให้คุณได้เรียนรู้ และทำตามอย่างครบครัน แม้ว่าคุณไม่เคย ทำขนมไทย มาก่อนเลยก็สามารถทำตามได้ เพียงแค่คุณอ่านและเปิดใจ ดังนั้น อย่าลืมติดตามบทความสอนทำขนมของเราในบทความต่อไปด้วยนะคะ
