4 สูตร น้ำยาขนมจีน รสชาติเข้มข้น ความอร่อยที่แตกต่าง เลือกได้ตามชอบ

น้ำยาขนมจีน
สารบัญบทความ

น้ำยาขนมจีน ถือเป็นส่วนประกอบหลักในการรับประทานขนมจีนของชาวไทย โดยในปัจจุบันก็มี สูตรน้ำยาขนมจีน หลากหลายสูตรให้เลือกรับประทาน ด้วยรสชาติที่แตกต่างกันไปตามความชอบของแต่ละคน และแต่ละพื้นที่ หากอยากทานขนมจีนให้อร่อย ต้องทานคู่กับน้ำยาขนมจีนรสชาติเข้มข้น และผักเครื่องเคียงนานาชนิด นอกจากจะนิยมนำมารับประทานระหว่างวันแล้ว ยังถูกยกให้เป็น อาหารยอดนิยม ในงานบุญ เลี้ยงแขกบ้านแขกเมือง หรืองานเลี้ยงสังสรรค์อีกด้วย เพราะทำหนึ่งครั้งในหม้อใบใหญ่ สามารถใช้รับประทานได้หลายคนเลยทีเดียว

ประวัติความเป็นมาของ น้ำยาขนมจีน เมนูนี้อยู่คู่คนไทยมาเป็นเวลานาน

มีหลักฐานความเป็นมา ประวัติขนมจีนน้ำยา ว่าอยู่คู่ชาวไทยเรามาเป็นเวลายาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จนถึงปัจจุบันยังเป็นเมนู อาหารจานเดียว ยอดนิยม ที่รับประทานกันทั่วทุกภาคของประเทศไทย ส่วนประกอบหลักในการรับประทาน น้ำยาขนมจีน คือ เส้นขนมจีน ราดด้วยน้ำยารสเด็ด และทานพร้อมผักเครื่องเคียงต่างๆตามความชอบ และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการทำน้ำยาขนมจีนแต่ละครั้ง คงจะหนีไม่พ้นเครื่องแกงที่มีการใส่สมุนไพร และเครื่องปรุงรสเข้าไปเพิ่มเติมเสริมรสชาติ

น้ำยาขนมจีน
น้ำยาขนมจีน

ขนมจีน 2 ประเภท เมนูดีๆที่มีประโยชน์

ขนมจีนน้ำยา อาหารเส้น เมนูนี้สามารถแบ่ง เส้นขนมจีน ได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ ขนมจีนแป้งหมัก เป็นการทำเส้นขนมจีนแบบโบราณ เส้นมีสีคล้ำ เนื้อสัมผัสเหนียวนุ่ม สามารถเก็บไว้ได้นาน และประเภทที่สองเป็น ขนมจีนแป้งสด เป็นการนำแป้งมาผสมกับข้าว เส้นจะมีสีขาวสวย อุ้มน้ำ เนื้อสัมผัสนุ่ม เหนียวน้อยกว่าประเภทแรก และได้รับความนิยมมากกว่า ในขนมจีนปริมาณ 100 กรัม มีพลังงานทั้งหมด 77 กิโลแคลอรี่ โปรตีน 0.9 กรัม คาร์โบไฮเดรต 18.2 กรัม และไขมัน 0.1 จึงเหมาะกับคนที่กำลังหา อาหารลดน้ำหนัก แถมยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถสร้างจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ช่วยย่อยอาหารได้อีกด้วย

แนะนำสูตร น้ำยา ขนมจีน 4 สูตร ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย

1. ขนมจีน น้ำยา ป่า

น้ำยาขนมจีน
น้ำยาขนมจีน

มาเริ่มกันที่ ขนมจีนน้ำยา เมนูแรก เป็นเมนูน้ำยาขนมจีนของภาคอีสาน คือ น้ำยาป่า ที่มีการใส่น้ำปลาร้าซึ่งเป็นจิตวิญญาณของ อาหารอีสาน ลงไปเป็นส่วนผสม โดยส่วนใหญ่จะนิยมใช้ปลาน้ำจืดอย่างปลาช่อน ปลาตะเพียน หรือปลาดุกลงไปเพิ่มความเข้มข้น หอมกรุ่นกลิ่นสมุนไพรจากเครื่องแกง รสชาติจึงอร่อยครบรส หากใครชอบทานเมนูแซ่บๆนัวๆต้องห้ามพลาด 

วัตถุดิบ

  1. น้ำเปล่า 2500 มิลลิลิตร
  2. ปลานิล 1 ตัว 800 กรัม
  3. เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ
  4. พริกแห้ง 30 เม็ด 
  5. กระเทียมจีน 20 กลีบ
  6. หอมแดง (แกะเปลือก) 20 หัว 
  7. ตะไคร้หั่น 3 หัว
  8. ใบมะกรูด 7-8 ใบ 
  9. ข่าแก่ 7 แว่น 
  10. ตีนไก่ 500 กรัม 
  11. น้ำปลาร้าต้มสุก 5 ทัพพี 
  12. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  13. ลูกชิ้นปลา หรือลูกชิ้นหมู ตามชอบ 
  14. ต้นหอมหั่นท่อน 3 ต้น 
  15. พริกแห้งคั่ว ปริมาณตามชอบ 
  16. กระชาย 1 กำ 
  17. ใบมะกรูด 4 ใบ

ขั้นตอนวิธีการทำ 

  • ขั้นตอนแรกในการทำ ขนมจีนน้ำยาป่า เริ่มจากการตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือดแล้วใส่ใบมะกรูด ตะไคร้ ข่าแก่ กระเทียมจีน หอมแดง และรากกระชายทุบ ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้าต้มสุก น้ำปลา เกลือ พริกแห้ง ตามด้วยตีนไก่ ปลานิลที่ล้างถอดเกล็ด และนำไส้ออกเรียบร้อยแล้ว ต้มต่อประมาณ 10 นาที แล้วให้นำปลาขึ้นมาแกะเนื้อ นำก้างออกให้เรียบร้อย จากนั้นตักพริกแห้ง หอมแดง และหอมแดงออกมาโขลกให้ละเอียด ต่อด้วยการใส่เนื้อปลาที่แกะเรียบร้อยแล้วลงไปโขลกรวมกันได้เลย
  • หลังจากโขลกเครื่องแกงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน ตามด้วยกระชาย และใบมะกรูดลงไปผัดสักครู่ แล้วใส่เครื่องแกงที่เตรียมไว้ลงไปผัดรวมกันให้ส่งกลิ่นหอม
  • นำเครื่องแกงที่ผัดเรียบร้อยแล้วใส่ลงไปในหม้อ น้ำยาป่า คนให้เข้ากันแล้วรอให้เดือด เคี่ยวต่อประมาณ 10 นาที เพื่อให้ตีนไก่เปื่อยได้ที่ จากนั้นชิมรสชาติแล้วปรุงเพิ่มได้ตามชอบ หากพอใจแล้วให้ใส่ลูกชิ้นลงไป เมื่อลูกชิ้นสุกแล้วให้ใส่ต้นหอมหั่นท่อน และพริกแห้งลงไปเติมสีสันเป็นขั้นตอนสุดท้าย ก่อนจะปิดเตานำมารับประทานพร้อมกับขนมจีน และเครื่องเคียงอื่นๆได้เลย

2. ขนมจีน น้ำยา กะทิ

น้ำยาขนมจีน
น้ำยาขนมจีน

น้ำยากะทิ รสชาติหวาน มัน เค็ม เต็มรสเนื้อปลาแน่นๆ อร่อยเข้มข้น ไม่เผ็ดมากจนเกินไป พร้อมกลิ่นหอมของกะทิ และเครื่องเทศสมุนไพร ได้รับความนิยมมากในหมู่คนไทยภาคกลาง และทั่วทุกภาคของประเทศไทย เคล็ดไม่ลับในการ ทำน้ำยากะทิ ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ถือเป็นอีกหนึ่ง อาหารสุขภาพ และ เมนูสมุนไพร ที่ดีต่อร่างกาย

วัตถุดิบ

  1. ปลาทับทิม หรือเนื้อปลาอื่นๆ 1 กิโลกรัม
  2. หัวกะทิ 1,000 มิลลิลิตร
  3. พริกแกงเผ็ด 150 กรัม
  4. ตะไคร้ซอย 40 กรัม
  5. กระชายซอย 70 กรัม
  6. ขมิ้นซอย 5 กรัม
  7. ข่าซอย 50 กรัม
  8. พริกแห้ง 10 กรัม
  9. น้ำเปล่า 1,200 มิลลิลิตร
  10. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
  11. ลูกชิ้นปลา ปริมาณตามชอบ

ขั้นตอนวิธีการทำ 

  • ขั้นตอนแรกในการทำ ขนมจีนน้ำยากะทิ เริ่มจากการตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด ใส่เครื่องหอมอย่างพริกแห้ง ตะไคร้ กระชาย ข่า และขมิ้นลงไปต้มให้ส่งกลิ่นหอมแล้วใส่เนื้อปลาที่ล้างทำความสะอาด ถอดเกล็ด และควักไส้ออกเรียบร้อยแล้วลงไปต้มให้สุก จากนั้นนำปลาออกมาแกะเนื้อ แยกก้างออก และนำเครื่องหอมออกมาโขลก หรือปั่นให้ละเอียดพร้อมกับเนื้อปลา 
  • ตั้งหม้อด้วยไฟกลาง ใส่หัวกะทิลงไปในปริมาณ 1/3 ของกะทิที่เตรียมไว้ เคี่ยวให้แตกมัน จากนั้นใส่พริกแกงเผ็ดลงไปผัดให้เข้ากัน เพิ่มรสชาติ และกลิ่นหอม เมื่อกะทิแตกมันอีกครั้งแล้วให้ทยอยเติมกะทิลงไปผัดร่วมกันจนกว่าจะหมด (หากน้ำข้นจนเกินไปให้เติมน้ำที่ใช้ต้มปลาลงไป)
  • ต้มต่อจน น้ำยากะทิ ร้อนจัด ให้ชิมรสชาติแล้วจึงปรุงรสด้วยเกลือ หรือน้ำปลา คนให้เข้ากัน รอให้ส่วนผสมเดือดดี ใส่ลูกชิ้นปลาลงไปต้มต่อจนสุกแล้วจึงนำไปจัดเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง

3. น้ำยาขนมจีน แกงไตปลา

น้ำยาขนมจีน
น้ำยาขนมจีน

https://avenueb-pgh.com/ มาถึงสูตร ขนมจีนปักษ์ใต้ การผสมผสานระหว่างขนมจีนเส้นเหนียวนุ่ม กับ แกงไตปลา อาหารขึ้นชื่อของภาคใต้ มีรสชาติเข้มข้นเผ็ดจัดจ้าน สามารถทานเป็น น้ำยาขนมจีน ได้เข้ากันเป็นอย่างดี จึงไม่น่าแปลกใจที่ได้รับความนิยมทำทาน และทำขายกันทั่วไป นอกจากนั้นเมนูแกงไตปลายังเป็น อาหารโปรตีนสูง เปี่ยมไปด้วยแคลเซียม วิตามิน เกลือแร่ และใยอาหารจากผักที่ใช้เป็นเครื่องเคียง แต่แนะนำว่าไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือไต เพราะมีรสชาติเค็ม จึงมีโซเดียมสูงตามไปด้วย

วัตถุดิบ

  1. ปลาโอฉีก 600 กรัม 
  2. พริกแกงไตปลา 200 กรัม 
  3. น้ำเปล่า 1500 มิลลิลิตร
  4. ไตปลา 200 มิลลิลิตร
  5. น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ 
  7. น้ำมะขามเปียก 2 ทัพพี
  8. ใบมะกรูดฉีก 15 ใบ 
  9. ตะไคร้ซอย 3 ต้น 
  10. ข่าหั่น 10 ชิ้น 
  11. ฟักทองหั่นชิ้น 400 กรัม 
  12. หน่อไม้ต้มสุก หั่นชิ้น 300 กรัม 
  13. มะเขือพวง 100 กรัม 
  14. มะเขือเปราะ หั่นชิ้น 350 กรัม 
  15. ถั่วฝักยาว หั่นชิ้น 250 กรัม

ขั้นตอนวิธีการทำ 

  • ขั้นตอนแรกในการทำ แกงไตปลา สูตรน้ำยาขนมจีน เริ่มจากการดับกลิ่นคาวของไตปลา ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด ใส่ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูดฉีกลงไป ตามด้วยไตปลา ต้มให้เดือดเป็นเวลา 10 นาที จากนั้นนำไปกรองด้วยตะแกรง ใส่น้ำไตปลาลงไปในหม้อ เปิดเตาต้มต่อแล้วใส่พริกแกงไตปลาลงไปเพิ่มรสชาติ 
  • เมื่อน้ำแกงเริ่มเดือดแล้วใส่ฟักทองลงไปต้มให้เดือดประมาณ 5 นาที แล้วจึงใส่หน่อไม้ ปลาโอ และปรุงรสด้วยน้ำตาเพิ่มกลิ่นหอม น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ คนให้เข้ากันแล้วรอให้เดือด จากนั้นใส่มะเขือเปราะ มะเขือพวง และถั่วฝักยาวลงไปต้มให้สุกดี จากนั้นโรยใบมะกรูดฉีกลงไปเคี่ยวต่อให้ได้ความเปื่อยตามชอบ เสร็จแล้วปิดเตาตักใส่จานเสิร์ฟได้เลย

4. ขนมจีนน้ำเงี้ยว

น้ำยาขนมจีน
น้ำยาขนมจีน

น้ำยาขนมจีน น้ำเงี้ยว อาหารจานเดียว ของคนภาคเหนือ มีรสชาติที่อร่อยครบรสไม่แพ้ น้ำยา ขนมจีน สูตรอื่นๆ มีทั้งรสเค็ม เผ็ด เปรี้ยว และหวาน คนไทใหญ่มักจะเรียกเมนูนี้ว่า น้ำหมากเขือส้ม หากใส่ขนมจีน จะเรียกว่า ข้าวเส้นหมากเขือส้ม เพราะรสชาติเปรี้ยวที่ได้มาจากมะเขือเทศ โดยเมนูนี้ได้รับความนิยมจากชาวล้านนามาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน นิยมนำมาทำจัดเลี้ยงเป็น อาหารมงคล ประกอบพิธีต่างๆ

วัตถุดิบทำ พริกแกงน้ำเงี้ยว

  1. พริกชี้ฟ้าแห้งแกะเมล็ด 8 เม็ด
  2. พริกแดงจินดาแห้ง 20 เม็ด
  3. หอมแดงหั่นหยาบ 6 หัว
  4. กระเทียมไทย 20 กรัม
  5. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  6. กะปิอย่างดี 1 ช้อนโต๊ะ
  7. ถั่วเน่า 2 แผ่น 

วัตถุดิบทำ น้ำยา ขนมจีนน้ำเงี้ยว

  1. พริกแกงที่เตรียมไว้ ทั้งหมด
  2. น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ
  3. หมูสับติดมัน 1/2 กิโลกรัม
  4. ขาไก่ 1/2 กิโลกรัม
  5. ซี่โครงหมู 1/2 กิโลกรัม
  6. น้ำเปล่า 2 ลิตร
  7. ดอกงิ้วแช่น้ำจนนิ่ม 25 ดอก
  8. เลือดหมูก้อนหั่นเต๋า 1 ก้อน
  9. มะเขือเทศสีดาหั่นครึ่ง 1/2 กิโลกรัม
  10. น้ำปลาอย่างดี 80 กรัม
  11. เลือดหมูสด หรือเลือดไก่หั่นเต๋า 120 กรัม
  12. พริกแห้งทอด
  13. กระเทียมเจียว

ขั้นตอนวิธีการทำ 

  • ขั้นตอนแรกในการทำ ขนมจีน น้ำเงี้ยว เริ่มจากการตำเครื่องแกง เริ่มจากการตำพริกแห้ง และเกลือป่นให้ละเอียดก่อน แล้วจึงใส่กระเทียมกับถั่วเน่าลงไปตำ ตามด้วยหอมแดง และกะปิเป็นส่วนสุดท้าย เมื่อละเอียดดีแล้วนำไปทำขั้นตอนต่อไปได้เลย
  • ตั้งหม้อใส่น้ำต้มให้เดือดแล้วใส่ขาไก่ลงไปลวกเป็นเวลา 5 นาที เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก จากนั้นเทน้ำทิ้งแล้วล้างขาไก่ให้สะอาด ก่อนจะตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือดอีกครั้ง ใส่เลือดไก่ หรือเลือดหมูที่เตรียมไว้ ลงไปลวกเป็นเวลา 5 นาทีเช่นกัน
  • ต่อมาเป็นขั้นตอนการผัดเครื่องแกง ให้ตั้งกระทะด้วยไฟกลางค่อนอ่อน ใส่น้ำมันลงไปตามด้วยเครื่องแกงที่เตรียมไว้ลงไปผัดให้หอม ตามด้วยการใส่หมูสับลงไปผัดให้สุกดี เมื่อหมูสุกแล้วให้ใส่ซี่โครงหมู และขาไก่ลงไปผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้วให้ใส่น้ำเปล่าลงไป 2 ลิตร คนให้เข้ากัน ปรับเพิ่มไฟเป็นไฟกลางแล้วใส่ดอกงิ้วลงไป คนอีกครั้ง และรอจนน้ำเดือดแล้วจึงปรับเป็นไฟอ่อน ปิดฝาเคี่ยวต่ออีกประมาณ 30 นาที 
  • เมื่อรอจนส่วนผสมนุ่มได้ที่แล้ว ให้ปรุงรสด้วยน้ำปลา ใส่มะเขือเทศ และเลือดหมู หรือเลือดไก่ลงไปคนให้เข้ากัน ปิดฝาเคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อนเป็นเวลา 20 นาที จนมะเขือเทศสุกนุ่ม แต่ไม่เละ สุดท้ายใส่เลือดหมูสดลงไปเพิ่มความเข้มข้น (แนะนำให้ใส่ตอนน้ำเดือดนะคะ เพราะหากน้ำไม่เดือดจะทำให้เลือดหมูคาวค่ะ) เมื่อเลือดหมูสุกแล้วชิมรสก่อนปิดเตา จัดเสิร์ฟ น้ำยาขนมจีน ได้เลย